อาไซโคลเวียร์ (Acyclovir) อาวุธลับในการสู้กับไวรัสเริม โรคงูสวัด และไข่ลมใส
เมื่อไวรัสเริมมาเยือน ความเจ็บปวดและความอึดอัดใจจะตามมา แต่ด้วยยา อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) เพื่อนๆ จะเพิ่มโอกาสเอาชนะศัตรูตัวเล็กๆ ตัวนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สารบัญ
- รู้จักกับยา Acyclovir
- กลไกการทำงานของยา
- ความแรงของยาและการใช้งาน
- การรักษาโรคเริมอวัยวะเพศ
- การรักษาโรคงูสวัด
- การรักษาโรคไข่ลมใส
- การใช้ยาในกรณีพิเศษ
- ผลข้างเคียงที่อาจพบได้
- ข้อควรระวังและข้อห้าม
- สรุป/ แหล่งที่มา
รู้จักกับยา Acyclovir
ยา Acyclovir เป็นยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพในการรักษาการติดเชื้อไวรัสเริม (Herpes Simplex Virus) ทั้งชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 รวมไปถึงไวรัสอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน เช่น ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคงูสวัด (Herpes Zoster) และไข่ลมใส (Varicella Zoster) ยานี้ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) สำหรับการรักษาโรคเริมอวัยวะเพศและโรคไวรัสเริมที่สมอง
กลไกการทำงานของยา
Acyclovir เป็นยาต้านไวรัสที่ทำงานโดยการแทรกตัวเองเข้าไปในสายดีเอ็นเอของไวรัส ทำให้ไม่สามารถสร้างสายดีเอ็นเอต่อไปได้ ยาจะยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอและการเพิ่มจำนวนของไวรัสหลังจากถูกเปลี่ยนแปลงเป็น acyclovir triphosphate โดยเอนไซม์ของไวรัสและเซลล์ ลักษณะการจำลองสารประกอบเพียวรีนนิวคลีโอไซด์นี้ ทำให้ยามีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสเริมทั้งในหลอดทดลองและในร่างกาย
การรักษาโรคเริมทั่วไป
สำหรับผู้ใหญ่ ใช้ยาขนาด 200 มิลลิกรัม (หรือ 400 มิลลิกรัมในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือการดูดซึมยาไม่ดี) วันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
การรักษาโรคเริมอวัยวะเพศ
การติดเชื้อครั้งแรก: ใช้ยา 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมงในช่วงตื่น วันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 10 วัน
การติดเชื้อกำเริบซ้ำ (น้อยกว่า 6 ครั้งต่อปี): ใช้ยา 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมงในช่วงตื่น วันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
การป้องกันการกำเริบซ้ำ (มากกว่า 6 ครั้งต่อปี): ใช้ยา 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หรือ 200 มิลลิกรัม วันละ 3-5 ครั้ง เป็นเวลาสูงสุด 12 เดือน
การรักษาโรคงูสวัด
ใช้ยา 800 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมงในช่วงตื่น วันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 7-10 วัน
การรักษาโรคไข่ลมใส
สำหรับผู้ใหญ่: ใช้ยา 800 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
สำหรับเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป: ใช้ยา 20 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไม่เกิน 800 มิลลิกรัมต่อครั้ง วันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
การรักษาโรคเริมที่สมอง
Acyclovir เป็นยาแรกที่เลือกใช้สำหรับการรักษาโรคไวรัสเริมที่สมอง ปัจจุบันยังไม่มียาอื่นที่ได้รับอนุมัติสำหรับการรักษาโรคนี้
การใช้ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV ยา acyclovir บางครั้งใช้รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากไวรัสเริม และใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ผิวหนัง ตา จมูก และปาก
การดูดซึมและการกระจายตัวของยา
ยา Acyclovir มีการดูดซึมที่ค่อนข้างต่ำ ประมาณ 10-20% ยาสามารถผ่านเข้าไปในสมองได้ และมีการจับกับโปรตีนในเลือดเพียง 15% ยาถูกขับออกจากร่างกายผ่านไตโดยหลักการกรองและการขับผ่านท่อไต โดยมีครึ่งชีวิตประมาณ 2.5-3 ชั่วโมง
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการเพลีย เมื่อรับประทานยาทางปากอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และปวดหัว
ผลข้างเคียงที่พบน้อย
ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดท้อง ความก้าวร้าว/สับสน กระสับกระส่าย ผมร่วง แพ้ยาแบบรุนแรง โลหิตจาง บวมน้ำ เบื่ออาหาร เดินเซ และอ่อนเพลีย
ผลข้างเคียงร้ายแรง
การบาดเจ็บของไตแบบเฉียบพลันเป็นผลข้างเคียงที่สำคัญที่สุดของการให้ยา acyclovir ทางหลอดเลือดดำ ซึ่งมักเกิดจากการที่ยาตกผลึกในท่อไต
ข้อควรระวังและข้อห้าม
ข้อห้ามสัมบูรณ์
ข้อห้ามสัมบูรณ์เดียวของยา acyclovir คือการแพ้ยา
ข้อควรระวัง
ควรใช้ยาด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีไตวาย/ไตบกพร่อง ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเกล็ดเลือดแตกง่าย
การใช้ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
ยา acyclovir สามารถผ่านรกได้ ผู้ผลิตแนะนำให้ใช้ด้วยความระมัดระวังในขณะตั้งครรภ์และใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น เนื่องจากมีการศึกษาเพียงเล็กน้อย ยา acyclovir ปรากฏในน้ำนมแม่ แต่โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยสำหรับการให้นมบุตร
การปรับขนาดยาในผู้ป่วยไตเสื่อม
ความแปรปรวนของความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยา acyclovir ในผู้ป่วยขึ้นอยู่กับอายุและการทำงานของไตอย่างมาก จึงต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด ผู้ใหญ่ที่มีไตเสื่อมแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรังอาจต้องลดขนาดยาตามตาราง
การเก็บรักษายา
ยาเม็ด Acyclovir ควรเก็บในภาชนะที่ปิดสนิท ป้องกันแสง และเก็บที่อุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส
การติดตามผู้ป่วย
ควรติดตามผู้ป่วยเพื่อดูผลข้างเคียง เช่น อาการเพลีย การอักเสบหรือเกิดหลอดเลือดอักเสบที่จุดให้ยา คลื่นไส้ อาเจียน ผื่น (รวมถึงโรคสตีเวนส์-จอห์นสัน) ตับอักเสบ และอาการทางระบบประสาท
สรุป
ยา Acyclovir เป็นยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาโรคที่เกิดจากไวรัสเริม แม้จะมีผลข้างเคียงบางประการ แต่หากใช้อย่างถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์และมีการติดตามอย่างเหมาะสม ยานี้จะช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาของอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และแจ้งแพทย์หากมีอาการผิดปกติใดๆ ระหว่างการรักษา
แหล่งที่มา
- NCBI – ข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับกลไกการทำงาน การใช้งานทางคลินิก และผลข้างเคียง Acyclovir
- ตำรายาไทย – ข้อมูลขนาดยา ความแรง วิธีการใช้ และการเก็บรักษา ACYCLOVIR TABLETS –
บทความมีเนื้อหาครอบคลุมทุกด้านที่สำคัญของยา acyclovir ตั้งแต่การแนะนำ กลไกการทำงาน วิธีการใช้ ผลข้างเคียง ข้อควรระวัง และการเก็บรักษา เขียนในลักษณะที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และไม่มีการกล่าวถึงชื่อการค้าใดๆ ตามที่คุณต้องการ